ประวัติของเมืองยะลา
-
-
- ชุมชนสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์
-
- ชุมชนสมัยประวัติศาสตร์ไทย
ชุมชนสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์
- ชุมชนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ได้พัฒนาต่อเนื่องกันมา เริ่มจากการติดต่อสัมพันธ์กันระหว่างชุมชนพื้นเมือง ได้รับหรือเอาอารยธรรมสมัยประวัติศาสตร์จากดินแดนภายนอก ทำให้ชุมชนพื้นเมืองเปลี่ยนแปลงไปสู่ลักษณะของชุมชนใหม่ มีการตั้งถิ่นฐานรวมกลุ่มเป็นชุมชนเมือง หรือชุมชนนครรัฐ มีระบบสังคมและการจัดระเบียบชุมชนแตกต่างออกไปจากเดิม เป็นช่วงสมัยแรกๆ ของการปรากฏหลักฐานการมีตัวหนังสือ ใช้บันทึกเรื่องราวของชุมชน แต่เรื่องราวยังไม่ตอ่เนื่องชัดเจนเพียงพอ จนกระทั่งสิ้นสุดเมื่อเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์ไทย และชุมชนต่างๆ ในดินแดนภาคใต้ใด้ผนวกเข้ารวมอยู่ในอาณาจักรไทย ซึ่งมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่สุโขทัยและอยุธยา
- แหล่งโบราณคดีสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ของจังหวัดยะลา
แหล่งสนามบินท่าสาป
- ตำแหน่งที่ตั้ง ตำบลท่าสาป อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
- พิกัดภูมิศาตร์ เส้นรุ้ง 6 องศา 32 ลิปดา 00 ฟิลิปดา เส้นแวง 101 องศา 14 ลิปดา 40ฟิลิปดาตะวันออก
แหล่งเขากำปั่น
- ตำแหน่งที่ตั้ง บ้านท่าสาป ตำบลท่าสาป อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา
- พิกัดภูมิศาสตร์ เส้นรุ้ง 6 องศา 32 ลิปดาเหนือ เส้นแวง 101 องศา 14 ลิปดาตะวันออก
แหล่งวัดหัวควน (นิโรธสังฆาราม)
- ตำแหน่งที่ตั้ง ตำบลสะเตง อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา
- พิกัดภูมิศาสตร์ เส้นรุ้ง 6 องศา 31 ลิปดา 45 ฟิลิปดาเหนือ เส้นแวง 101 องศา 21 ลิปดา 10 ฟิลิปดาตะวันออก
แหล่งถ้ำคูหาภิมุข
- ตำแหน่งที่ตั้ง หมู่ที่ 1 บ้านหน้าถ้ำ ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
- พิกัดภูมิศาสตร์ เส้นรุ้ง 6 องศา 31 ลิปดา 27 ฟิลิปดาเหนือ เส้นแวง 101 องศา 13 ลิปดา 40ฟิลิปดาตะวันออก
แหล่งถ้ำศิลป์
- ตำแหน่งที่ตั้ง หมู่ที่ 2 บ้านบันนังลูวา ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา
- พิกัดภูมิศาสตร์ เส้นรุ้ง 6 องศา 31 ลิปดา 10 ฟิลปดาเหนือ เส้นแวง 101 องศา 14 ลิปดา 12 ฟิลปดาตะวันออก
สมัยประวัติศาสตร์ไทย
- สมัยกรุงสุโขทัย
- พลโทดำเนิน เลขะกุล ได้กล่าวถึงเมืองปัตตานีในสมัยสุโขทัยว่า
- อาณาจักรศรีธรรมราชคงตกเป็นประเทศราชของอาณาจักรสุโขทัย ราวต้นรัชกาล พ่อขุนรามคำแหง (พ.ศ. 1822 - 1844 ) และมีหลักฐานว่ากองทัพสุโขทัยกับกองทัพ (เรือ) นครศรีธรรมราชได้ยกลงไปทำสงคราม ได้ครองแคว้นต่างๆ ในแหลมมลายูได้ทั้งสิ้นตลอดถึงเมืองสิงคโปร์ (เดิมเรียกตุมาสิก) จึงไม่ต้องสงสัยว่าแคว้นปัตตานีจะไม่ขึ้นอยู่กับอาณาจักรสุโขทัยด้วย แต่ไม่มีบทบาทอะไร จึงไม่ใคร่จะพบชื่อติดอยู่ในประวัติศาสตร์
- ขจัดภัย บุรุษพัฒน์ กล่าวถึงเมืองปัตตานีไว้ดังนี้
- เมืองปัตตานีได้ตกอยู่ในอำนาจของประเทศไทย ตั้งแต่สมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่ในหลักศิลาจารึกสมัยพ่อขุนรามคำแหง (หลักที่ 1 ) ปรากฏข้อความเกี่ยวกับอาณาเขตของประเทศไทยว่า
- มีเมืองกว้างช้างหลาย ปราบเบื้องตะวันออก รอดสระหลวงสองแคว ลุมนาจายสคาเท้าฝั่งของ ถึงเวียงจันทร์เวียงคำเป็นที่แล้ว เบื้องหัวนอนรอดคนฑี พระบางแพรก สุพรรณภูมิ ราชบุรี เพชรบุรี ศรีธรรมราช ฝั่งทะเลสมุทร เป็นที่แล้ว เบื้องตะวันตกรอดเมืองฉอด เมือง
-
หงสาวดี สมุทรผ้าเป็นแดน เบื้องตีนนอน รอดเมืองแพร่ เมืองน่าน เมือง
.เมืองพลั่ว พ้นฝั่งของเมืองชวาเป็นที่แล้ว ปลูกเลี้ยงฝูงลูกบ้านลูกเมืองด้วยธรรมทุกคน
- โดยเหตุที่เขตที่เมืองนครศรีธรรมราชในครั้งนั้น กินไปตลอดแหลมมลายู รวมทั้งมะละกาและสิงคโปร์ ดังนั้น ตามหลักฐานศิลาจารึกดังกล่าว แหลมมลายูจึงเป็นเขตแดนไทย ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงเป็นต้นมา แต่วิธีการปกครองเมืองขึ้นในสมัยนั้น ไม่ได้ส่งคนไปปกครอง เพียงแต่ให้ส่งดอกไม้เงินดอกไม้ทอง 3 ปีต่อครั้ง
- สมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงธนบุรี
- หนังสือประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภาค จังหวัดยะลา พ.ศ. 2529 ได้ กล่าวถึงประวัติความเป็นมาและเหตุการณ์สำคัญของจังหวัดยะลาไว้ดังนี้
- ดินแดนอันเป็นที่ตั้งของจังหวัดยะลาปัจจุบันนี้ แต่เดิมจะเป็นท้องที่บริเวณหนึ่งในเมืองปัตตานี ยังไม่ได้แยกออกมาเป็นเมือง ดังนั้นจึงต้องกล่าวถึงเรื่องราวเบื้องต้นที่เกี่ยวกับเมืองปัตตานี
- เมืองปัตตานีมีฐานะเป็นเมืองประเทศราชของไทย มาตั้งแต่สมัย ตลอดจนถึงสมัยอยุธยาตอนต้น โดยนาย โทเม ปิเรส ชาวโปรตุเกส ผู้เข้ามาอยู่ในมะละกา เมื่อพุทธศตวรรษที่ 21 ใได้บันทึกว่า ในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (พะงั่ว พ.ศ. 1913 - 1931 ) พระองค์ทรงได้ธิดาของมุขมนตรีแห่งปัตตานีคนหนึ่งเป็นพระสนม ในฐานะเมืองประเทศราช ปัตตานีมีหน้าที่ส่งเครื่องราชบรรณาการเข้าถวายทุกๆ 3 ปี ซึ่งในข้อนี้ ลาลูแบร์ อัครราชทูตฝรั่งเศส ซึ่งมากรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ (พ.ศ. 2199 - 2231) ได้ยืนยันว่า ปัตตานีต้องส่งต้นไม้เงินต้นไม้ทองอย่างละต้น เข้ามาถวายพระมหากษัตริย์ ไทยทุก 3 ปี ปัตตานีเป็นเมืองประเทศราชของไทยเรื่อยมา จนกระทั่งกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าใน พ.ศ. 2310 ปัตตานีจึงตั้งตนเป็นอิสระ
- ในสมัยกรุงธนบุรี ( พ.ศ. 2310 - 2325 ) ปัตตานีได้ส่งเครื่องราชบรรณการต่อไประยะหนึ่ง จนถึงปลายสมัยกรุงธนบุรีซึ่งเกิดความวุ่นวายภายในปัตตานีจึงเป็นอิสระอีก
- สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
- กำเนิดเมืองยะลา
- สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (พ.ศ. 2325 - 2352) ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้มีการปรับปรุงการปกครองหัวเมืองปัตตานี โดยให้เมืองสงขลา เป็นผู้ควบคุมดูแลเมืองปัตตานี (แต่เดิมเมืองปัตตานีอยู่ในความดูแลของเมืองนครศรีธรรมราช) นอกจากนี้ได้แบ่งเมืองปัตตานีออกเป็น 7 เมือง คือ ปัตตานี ยะหริ่ง สายบุรี ยะลา รามัน ระแงะ และหนองจิก จึงนับว่าเมืองยะลาได้แยกมาตั้งเป็นเมืองในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ใน พ.ศ. 2334 (หลักฐานเกี่ยวกับระยะเวลาที่ดำเนินการแบ่งปัตตานีเป็น 7 หัวเมือง ระบุต่างกัน เช่น พงศาวดารเมืองปัตตานี และตำนานเกี่ยวกับเมืองปัตตานี ระบุว่าการแบ่งเมืองปัตตานีเป็น 7 เมืองเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 2 )
|
|