Discovery Thailand 5
SaKai
ประเพณีเกี่ยวกับการเกิด
ในสังคมชาวซาไก ผู้มีบทบาทในการประคับประคองช่วยเหลือผู้เป็นมารดาและทารกคือ หมอตำแย หรือพวกที่เขาเรียกกันว่า โต๊ะดันหรือโต๊ะบิดัน แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ สรุปได้ดังนี้
1 การรักษาพยาบาลแม่ในสังคมซาไก แม่ผู้ที่จะกำเหนิดทารกนั้นมีความสำคัญมาก เพื่อช่วยชีวิตแม่ไม่ให้ได้รับความเจ็บปวดในขณะคลอด
พวกเขาได้คิดค้นเครื่องยาและเวทย์มนต์คาถาเพื่อช่วยชีวิตของผู้เป็นแม่อย่างสุดความสามารถ ในระยะที่แม่เจ็บท้องใกล้จะคลอดนั้น โต๊ะดันผู้ทำหน้าที่เป็นหมอตำแย
จะนำยาชนิดหนึ่งมาทาบริเวณหน้าท้องมีการนวดท้องเพื่อช่วยให้คลอดง่าย เขามีความเชื่อในยาของเขามากว่าใช้ได้ผล ซึ่งก็ใช้เวลารอไม่นานนัก
ขณะที่รอเด็กคลอดออกมา โต๊ะดันจะว่าคาถาเสกคาถาลงไปหน้าท้องของผู้เป็นแม่
ด้วยความเชื่อในเรื่องยาและเวทย์มนต์คาถานี่เอง ทำให้ผู้เป็นแม่มีความรู้สึกว่าไม่เจ็บปวดมากในระหว่างที่คลอด บทคาถาที่ใช้สำหรับคลอดบุตรที่ว่าโดยโต๊ะดันว่าดังนี้
"ตุ้งตุงฮู ลีโตลีบีโฮ ตามาซาไกนิฮิฮุด มาตีซิฆู"
2 การพยาบาลทารก เมื่อผู้เป็นแม่คลอดทารกแล้ว โต๊ะดันจะเตรียมน้ำอุ่นสำหรับอาบทารก ในน้ำอุ่นจะผสมยากับใบเตยลงไปเพื่อให้มีกลิ่นหอม
จากนั้นก็อุ้มเด็กลงอาบน้ำให้สะอาด เสร็จแล้วก็อุ้มเด็กขึ้นจากอ่างน้ำ ห่อเด็กด้วยผ้าและวางลงบนแคร่ ถ้าเด็กชัก โต๊ะดันจะใช้หัวไพลไปปิดหูของแม่ เชื่อว่าอาการชักของเด็กจะหายไป
3 การตัดสายสะดือ เครื่องมือที่ใช้ในการตัดสายสะดือทำด้วยไม้ไผ่บาง ๆ การตัด ตัดให้สายสะดือเหลือยาวเลยขาของเด็กเล็กน้อย
วิธีการนี้เหมือนกับวิธีการของชาวบ้านไทยมุสลิมทั่วไป
4 การเลี้ยงทารก ในกรณีที่แม่อยู่เลี้ยงก็จะเลี้ยงด้วยนมแม่ แต่ถ้าหากแม่ไปทำงาน โต๊ะดันก็เลี้ยงเด็กด้วยผลไม้ เช่น กล้วยหรือเผือกมัน
และด้วยเหตุที่โต๊ะดันมีหน้าที่เลี้ยงเด็ก ทำให้โต๊ะดันเป็นที่รักของเด็ก ๆ ทุกคน
การเกิดของเด็กในสังคมซาไกนั้นถือปฏิบัติเหมือนกันทุกคน คือ ให้โต๊ะดันทำหน้าที่ในการคลอด เพราะเขาเชื่อว่าโต๊ะดันเป็นผู้ชำนาญในการคลอด การใช้ยา
และมีความสามารถในการใช้เวทมนตร์ ซึ่งเป็นที่อบอุ่นใจว่าชีวิตของแม่และเด็กจะต้องปลอดภัย
ประเพณีการตาย
ในสังคมซาไกเมื่อมีการตายเกิดขึ้น เขาจะมีความรู้สึกว่าเป็นการสูญเสียญาติของเขาไปคนหนึ่ง เพราะเขาอยู่กันน้อย
คนและใกล้ชิดกันมาก ลักษณะประเพณีการตายของซาไก สรุปได้ ดังนี้
1 ลักษณะของหลุมฝังศพ กว้างประมาณ 2 ศอก ลึกประมาณ 3 ศอก ยาวประมาณ 3 ศอก คนขุดหลุมจะต้องเป็นญาติพี่น้องของผู้ตาย จะเป็นหญิงหรือชายก็ได้
2 ที่ตั้งของหลุม อยู่บนเนินใกล้ ๆ ลำธารห่างจากที่พักประมาณ 100 เมตร
3 การตกแต่งหลุม หลังจากขุดหลุมเรียบร้อยแล้ว เขาจะตัดไม้ไผ่รองพื้นด้านล่าง การวางลำดับไม้จะวางให้สวยงามเรียบร้อย การวางไม้ชั้นแรกจะวางหัวไม้ไปทางทิศตะวันตกและวางเป็นแนวเรียงขนานกันไป
ในชั้นที่ 2 จะเอาไม้มาเรียงตามขวางกับแนวแรก เมื่อตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้เป็นหมอก็จะนำเอาหัวไพลขนาดเท่านิ้วก้อยมาปลุกเสก ส่งให้ญาติของศพเคี้ยวจนละเอียดแล้วพ่นลงในหลุม เชื่อว่าผีผู้ตายจะไม่ขึ้นไปเที่ยวหลอกหลอน
4 การยกศพลงหลุม ผู้เป็นญาติของผู้ตายจะยกศพลงหลุมหลังจากที่เสกหัวไพลเรียบร้อยแล้ว การวางศพให้หันหัวไปทางทิศตะวันตก หันหน้าไปทางทิศใต้ ศพจะนอนในลักษณะงอคู้ เมื่อวางศพเสร็จแล้วจะเอาไม้ไผ่ผ่าซีกมาวางบนศพอีกครั้งหนึ่ง
โดยให้ปลายปักลงดินด้านหนึ่งและพาดปากหลุมอีกด้านหนึ่ง ไม้ที่ใช้จะตัดจากบริเวณใกล้ ๆ กับหลุมฝังศพ
5 การห่อศพ การห่อศพจะใช้ผ้าของผู้ตายทั้งหมดที่มีอยู่ห่อหุ้มให้มิดชิดโดยพับเข่าให้คู้เข้ามาแล้ววางไว้บนแคร่ของผู้ตาย ยกแคร่ไปที่หลุมฝังศพด้วย และเมื่อเอาศพลงหลุมแล้ว แคร่นั้นก็จะตัดออกให้พอดีกับหลุมวางพาดบน
ปากหลุมให้เรียบร้อย และปูใบไม้ในแนวขวางกับแคร่
6 การปิดปากหลุม เมื่อปูใบไม้ตลอดหลุมแล้วก็ใช้ดินกลบ จากนั้นพวกญาติของผู้ตายจะขึ้นไปย่ำดินบนปากหลุมให้แน่น และรอบ ๆ ปากหลุมเขาจะสร้างเพิงหมาแหงนเอาไว้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าได้สร้างบ้านให้ศพ ศพจะไม่เดือดร้อยเพราะมีบ้านอยู่แล้ว
พอตกกลางคืนพ่อแม่จะต้องไปก่อไฟไว้บนหลุมฝังศพ ซึ่งถือว่าเป็นการให้ความอบอุ่นแก่ศพ
7 พิธีการสวดศพ หลังจากกลบหลุมศพเรียบร้อยแล้ว ญาติของผู้ตายพร้อมด้วยเพื่อนบ้านจะยกขบวนกลับทับ และทำพิธีสวดที่ทับของผู้ตาย เครื่องใช้ในพิธีสวดประกอบด้วยเหล้า ธูป เทียน ข้าวจ้าว ข้าวเหนียว ผู้กระทำพิธีสวดต้องเป็นหมอผีเท่านั้น เมื่อเสร็จพิธีสวดก็มีการกินเลี้ยงที่ทับของผู้ตาย
ลักษณะครอบครัว
ซาไกครอบครัวหนึ่งๆ จะมีพ่อ แม่ ลูก เท่าที่เห็นไม่มี ปู่ ย่า ตา ยาย อยู่เลย เพราะพวกนี้อายุสั้น มักจะตายเสียก่อนยังไม่ทันแก่เฒ่า เมื่อลูกโตแต่งงานแล้วก็จะแยกครอบครัวไปตั้งครอบครัวใหม่ และจะเป็นดังนี้ไปชั่วลูกชั่วหลาน ลักษณะครอบครัวจึงเป็นครอบครัวแบบจุดเริ่มต้น ไม่ใช่ครอบครัวแบบขยาย ด้วยเหตุนี้ครอบครัวซาไกจึงไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับปู่ย่าตายาย สังเกตได้จากไม่มีคำเรียกเครือญาติที่สูงไปกว่าพ่อแม่
เป็นที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งว่าลักษณะผัวเมียซาไกเป็นแบบผัวเดียวเมียเดียว ไม่มีผู้ชายคนใดมีเมียหลายคน ถ้าจะมีเมียใหม่อีกก็ต่อเมื่อเมียเดิมของเขาตายไป และพวกนี้จะไม่มีการผิดลูกเมียของคนอื่น เพราะเขาเชื่อว่าวิญญาณของสัตว์ร้ายจะเข้าสิงในคนที่ผิดลูกเมียของคนอื่น ซึ่งทำให้เป็นบ้า ทำกิริยาท่าทางเหมือนสัตว์ แล้วจะวิ่งเข้าป่าไปในที่สุด
ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา
1 ด้านการปกครอง ระบบสามีภรรยาในสังคมซาไกมีลักษณะความเป็นอยู่และการประพฤติปฏิบัติเช่นเดียวกับชาวไทยสมัยก่อน คือ สามีเป็นผู้นำและภรรยาเป็นฝ่ายตาม แต่ว่าเป็นไปในทางให้เกียรติและถนอมน้ำใจกัน ความสัมพันธ์ระหว่างสามี ภรรยาในสังคมซาไกจึงราบรื่นทำให้เป็นสุข เพราะสามีไม่คิดนอกใจภรรยาและภรรยาไม่คิดนอกใจสามี และด้วยความจริงใจต่อกันนี้จึงทำให้คู่สามีภรรยาเป็นแบบผัวเดียวเมียเดียวดังได้กล่าวมาแล้ว
2 การทำงาน สามีภรรยามีความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันมีความเชื่อมั่นในผลงานว่า ไม่ว่าสามีภรรยาจะทำงานสิ่งใดก็ตามย่อมสำเร็จตามความมุ่งหมาย เช่น ภรรยาไว้เนื้อเชื่อใจในการหาและทำที่อยู่อาศัยของสามี การทำที่อยู่อาศัยจึงเป็นหน้าที่ของสามี ส่วนการดูแลบ้านและเลี้ยงลูกเป็นหน้าที่ของภรรยา
3 ความสัมพันธ์ทางเพศ เป็นลักษณะที่เด่นและแปลก คือบทรักหรือการร่วมประเวณีกันของคู่สามีภรรยาเขาจะไม่ทำกันในทับ แต่จะกันไปขุดมันในป่า และไม่จำกัดเวลาว่าจะเป็นเวลากลางคืนหรือกลางวัน เกิดขึ้นได้ทุกเวลาตามความพอใจของพวกเขา
ลักษณะทางเศรษฐกิจ
ชาวซาไกไม่รู้จักการเก็บสะสม ไม่รู้จักจำนวนมากน้อย เขาขอแต่เพียงว่าให้พอมีกินเท่านั้น เพราะฉะนั้นสภาพเศรษฐกิจในหมู่บ้านและครอบครัวของเขาอยู่ในลักษณะฝืดเคืองตลอดเวลา พวกซาไกจะถูกเอารัดเอาเปรียบจากสังคมชาวเมืองมาก เมื่อเวลาว่าจ้างไปทำสวนจะจ่ายค่าแรงแต่เพียง เล็กน้อยเท่านั้น เป็นเงินสัก 5 บาท 10 บาท หรือปลาเค็มสัก 4 - 5 ตัว หรือไท่ก็เป็นเหล้าสักขวดเขาก็พอใจแล้ว
ปัจจุบันซาไกชอบเงินและรู้จักใช้เงินแล้ว แต่ไม่ค่อยจะรู้ว่าค่าของเงินนั้นจำนวนเท่าใด เมื่อสามีได้ค่าจ้างมาก็ให้ภรรยาเก็บไว้ซื้อเกลือ ปลาเค็มมาเป็นอาหาร พวกนี้ถ้าได้เงินมากก็จะใช้จ่ายมากและสุรุ่ยสุร่าย ไม่เคยนึกถึงเวลาอดอยากหรือเวลาไม่มีเงินซื้อยาเวลาเจ็บป่วย
พวกซาไกไม่รู้จักการเพาะปลูก ถ้าเขารู้จักการเพาะปลูกคงช่วยให้เศรษฐกิจของเขาดีขึ้นและสามารถทำเป็นล่ำเป็นสันได้เพราะมีที่ดินว่างเปล่าอยู่มากและรัฐบาลก็ช่วยเหลือส่งเสริมอยู่
ลักษณะการปกครอง
เนื่องจากสังคมซาไกเป็นสังคมเล็กๆ เขามีผู้ใหญ่บ้านปกครองเพียงคนเดียว ผู้ที่เป็นผู้ใหญ่บ้านต้องมีอายุมากที่สุดและเป็นคนที่เขาเลือกตั้งขึ้นมา สภาพการปกครองของซาไกนี้เมื่อพิจารณาแล้วเหมือนกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั่นเอง เพราะมีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ถ้าลูกบ้านคนใดทำผิด ผู้ใหญ่บ้านมีหน้าที่เรียกมาตักเตือน ไต่สวน เมื่อผิดจริงก็สามารถลงโทษได้ ส่วนหน้าที่การงานนั้นผู้ใหญ่บ้านก็จะเป็นคนจัดแบ่งให้เมื่อมีคนมาจ้างวาน เมื่อมีงานในกลุ่มพวกเขาทุกคนจะช่วยทำกันโดยมีผู้ใหญ่บ้านเป็นประธานจะเกี่ยงงอนกันไม่ได้ แต่ถ้างานชิ้นใดหนัก ผู้ใหญ่บ้านก็จะเป็นผู้รับทำเอง ฉะนั้นหัวหน้าผู้ปกครองของซาไกจะต้องเป็นผู้ที่ซาไกทั้งหลายนับถือเชื่อฟังมากที่สุด หน้าที่ของผู้ปกครองที่มีต่อลูกบ้านมีดังนี้
1 เป็นประธานในการแต่งงาน
2 เป็นผู้ไต่สวนคดี
3 เป็นหัวหน้าในการย้ายที่อยู่ ในการย้ายที่อยู่นี้สังเกตเห็นว่าผู้เป็นหัวหน้าจะรับหน้าที่ในการแบกหามหนักกว่าคนอื่นๆ
การอบรมศึกษา
ในปัจจุบันเด็กซาไกกลุ่มอำเถอธารโตได้รับการศึกษาจากโรงเรียนอาสาพัฒนาวิทยาลัยครูยะลา 1 ซึ่งนักศึกษาวิทยาลัยครูยะลาได้ไปสร้างให้เมื่อปิดภาคฤดูร้อน พ.ศ. 2517 โรงเรียนนี้ทำการสอนโดยครูตำรวจตระเวนชายแดน ตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านซาไก ห่างจากถนนใหญ่ 4 กิโลเมตร
จากการดูสถิติการเรียนของนักเรียนแล้ว ผู้ศึกษาพบว่าเด็กซาไกมีสมองดีทีเดียว คนที่เรียนเก่งที่สุดของเขาสอบได้เป็นที่ 2 ของโรงเรียน ซึ่งมีเด็กนักเรียนไทยพุทธและไทยมุสลิมจากที่ใกล้ๆมาเรียนด้วย ส่วนเด็กซาไกที่เรียนตกเป็นอันดับสุดท้ายก็ไม่ใช่เป็นที่สุดท้ายของโรงเรียน สมองของพวกเขาจึงอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะด้านความจำแม่นยำมาก
ส่วนการศึกษาเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขานั้นจะมีการศึกษาอยู่ 2 แบบ คือ แบบมุขปาฐะ ได้แก่แบบที่บอกเล่าต่อ ๆ กันมา และอีกแบบหนึ่ง ได้แก่แบบที่บอกเล่าประสมประสานกับการปฏิบัติ เช่น วิธีการทำไม้ซาง ทำลูกดอก
เป็นต้น ซึ่งสรุปแล้วก็เป็นการศึกษาโดยไม่ได้ตั้งใจเสียมากกว่า แต่เป็นการศึกษาที่จำเป็นเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น
ภาษาซาไก
ต้นตระกูลภาษาซาไก
พระยาอนุมานราชธน สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ และจอห์น เอช แบรนด์ ได้มีความเห็นตรงกันว่า ภาษาซาไกมีต้นตระกูลมาจากภาษามอญ-เขมร ซึ่งบางทีเรียกว่าตระกูลออสโตร-เอเชียติค ซึ่งเป็นภาษาชนิดคำโดด บางคำเป็นคำติดต่ออยู่บ้างแต่ไม่มาก
ลักษณะของคำที่ใช้
คำที่ซาไกใช้อยู่พบว่าบางคำเป็นที่ยืมไปจากภาษามลายู โดยนำไปดัดแปลงเสียง รูปคำ และความหมายเสียบ้าง คงไว้บ้าง เห็นได้ชัดดังต่อไปนี้
(คำ) | | | | (ซาไก) | | | | | (มลายู)
| ลิง | | | | กรา | | | | | กราหรือกือรา หรือกือฮอ
|
---|
ต้นไทร | | | | เซรายา | | | | | เซรายอ (เป็นไม้สยา คำนี้เปลี่ยนแปลงความหมาย)
|
---|
เสือ | | | | ตาโก๊ะ | | | | | ตาโก๊ะ (ในภาษามลายูแปลว่ากลัว)
|
---|
ลูกดอก | | | | บิลา | | | | | บิเลาะห์ คือไม้ไผ่เป็นซีกเล็ก ๆ
|
---|
พระจันทร์ | | | | ปะยง | | | | | ปะยง (ในภาษามลายูแปลว่าร่มถือ)
|
---|
ยางน่อง | | | | อิโป๊ะ | | | | | อิโป๊ะ หรือ อีโปร์
|
---|
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ภาษาอื่นเข้าไปมีอิทธิพลต่อภาษาซาไกนั้นเป็นเพราะ
1 จำนวนคำในภาษาซาไกแท้จริงนั้นมีน้อย คำที่เกิดขึ้นมีเท่าที่จำเป็น และต้องการใช้สื่อความหมายเท่านั้น
2 ชาวซาไกได้อยู่คลุกคลีกับกลุ่มชนที่พูดภาษามลายู จึงรับเอาภาษามลายูไปใช้ ขณะเดียวกันเมื่อซาไกคลุกคลีกับคนไไทยก็รับเอาภาษาไทยไปใช้
แต่ลักษณะการรับคำของซาไกจะรับเอาเฉพาะคำที่เป็นประโยชน์ต่อเขาเท่านั้น
ลักษณะของภาษาซาไกโดยทั่วไป
ผู้ศึกษาได้สัมภาษณ์ชาวซาไกหลายคน สังเกตเห็นคำในภาษาซาไกมีลักษณะของคำดังนี้
1 คำที่พูดโดยมากจะออกเสียงเลียนเสียงธรรมชาติ เช่น | |
(คำ) | | | | | | (การออกเสียงในภาษาซาไก)
|
---|
กิน | | | | | | จิ๊ (เป็นเสียงร้องของนกเล็ก ๆ)
|
---|
แมว | | | | | | เมียว
|
---|
หมา | | | | | | เอง
|
---|
นก | | | | | | กาเหว่า |
---|
คำที่ออกเสียงที่เลียนเสียงธรรมชาติเหล่านี้ สันนิษฐานว่าคงเลียนมาจากเสียงร้องของสัตว์
2 ลักษณะของเสียงที่ปรากฎในภาษาพูดมักจะเป็นเสียงระเบิดออกจากลำคอ เช่น |
(คำ) | | | | | | (การออกเสียงในภาษาซาไก)
|
---|
งู | | | | | | อิก๊อบ
|
---|
พี่ | | | | | | อู๊
|
---|
พ่อ | | | | | | เอย์
|
---|
สวย | | | | | | เบิ๊ดเอ้ต
|
---|
ไม่สวย | | | | | | บิคลอค |
---|
3 คำที่พูดจะมีทั้งคำพยางค์เดียวและหลายพยางค์ เช่น
ก. คำพยางค์เดียว เช่น |
(คำ) | | | | | | (การออกเสียงในภาษาซาไก)
|
---|
มาก | | | | | | บะ
|
---|
กลับ | | | | | | ยิ
|
---|
ไป | | | | | | ยะ
|
---|
หน้าอก | | | | | | ยก
|
---|
ท้อง | | | | | | เจิง
|
---|
ข. คำหลายพยางค์ เช่น
| (คำ) | | | | | | (การออกเสียงในภาษาซาไก)
|
---|
เจ็บ | | | | | | ปาเยส
|
---|
หัวเข่า | | | | | | กัลตง
|
---|
เอว | | | | | | ปีงัง
|
---|
เที่ยว | | | | | | มาจิ๊
|
---|
บุหรี่ | | | | | | ซือฆือริ
|
---|
คู่รัก | | | | | | ตะอิอึ้นน์
|
---|
แสงแดด | | | | | | เมดกือเตาะ |
---|
4 ลักษณะพิเศษของเสียงท้ายพยางค์จะมีเสียง ij, Nn; Y และ H อยู่ท้ายพยางค์ เช่น
|
ก. เสียง ij ท้ายพยางค์
| (คำ) | | | | | | (การออกเสียงในภาษาซาไก)
|
---|
บ้าน | | | | | | ติตึ๊ง
|
---|
มือ | | | | | | บาลึ้ง
|
---|
ท้อง | | | | | | เจิง
|
---|
นอน | | | | | | แองง์
|
---|
มีด | | | | | | อูเงง์
|
---|
ข. เสียง Nn ท้ายพยางค์
| (คำ) | | | | | | (การออกเสียงในภาษาซาไก)
|
---|
หญิงสาว | | | | | | เต้าอึ้นน์
|
---|
คู่รัก | | | | | | ตะอิอึ้นน์
|
---|
แต่งงาน | | | | | | ยิอั๊นน์
|
---|
ค. เสียง Y ท้ายพยางค์
| (คำ) | | | | | | (การออกเสียงในภาษาซาไก)
|
---|
พ่อ | | | | | | เอย์
|
---|
หวาย | | | | | | หะเวย์
|
---|
ค่าง | | | | | | ไอย์
|
---|
ตลาด | | | | | | กไดย์
|
---|
ง. เสียง H ท้ายพยางค์
| (คำ) | | | | | | (การออกเสียงในภาษาซาไก)
|
---|
เดิน | | | | | | ญะฮ์
|
---|
ต้นไม้ | | | | | | เอฮ์
|
---|
มา | | | | | | เดาฮ์
|
---|
จ. เสียง S ท้ายพยางค์
| (คำ) | | | | | | (การออกเสียงในภาษาซาไก)
|
---|
ข้าวสาร | | | | | | เปอรัส
|
---|
เล็บ | | | | | | กัลเกาะจัส
|
---|
ฉ. เสียง Ch ท้ายพยางค์
| (คำ) | | | | | | (การออกเสียงในภาษาซาไก)
|
---|
อร่อย | | | | | | ฮังวิช
|
---|
5. ลักษณะของคำที่มีเสียงขึ้นนาสิก เช่น
| (คำ) | | | | | | (การออกเสียงในภาษาซาไก)
|
---|
สายนุ่งรอบเอวหญิง | | | | | | ฮอลี
|
---|
นกขนาดเล็กสีขาวหางยาว | | | | | | ตอเตียล
|
---|
ชาย | | | | | | เญล
|
---|
เรือนผีทำด้วยไม่ไผ่ | | | | | | นะฮานี
|
---|
คอ | | | | | | อางุด
|
---|
มือ | | | | | | บาลิง
|
---|
หก (การนับ) | | | | | | นัม
|
---|
6. ลักษณะคำไม่มีเสียงควบกล้ำ เช่น
| (คำ) | | | | | | (การออกเสียงในภาษาซาไก)
|
---|
ผู้หญิง | | | | | | กอดา
|
---|
ต้นสะตอ | | | | | | กอตัน
|
---|
นกขนาดใหญ่ | | | | | | กาก
|
---|
ปลวก | | | | | | จะเวา
|
---|
ผีพราย | | | | | | เซมังงัด
|
---|
7. มีการใช้คำวิเศษณ์ ซึ่งแสดงว่าภาษาซาไกมีการเปรียบเทียบขั้นกว่าขั้นสูงสุด เช่น
| (คำ) | | | | | | (การออกเสียงในภาษาซาไก)
|
---|
ใหญ่ | | | | | | ตะเบอะ
|
---|
ใหญ่กว่า | | | | | | ตะเบอบะ
|
---|
ใหญ่ที่สุด | | | | | | ตะเบอะฮะลุ
|
---|
คำวิเศษณ์ที่นิยมใช้กันทั่วไปในสังคมซาไก เช่น
| สวย | | | | | | เบิ๊ตเอ้ต
|
---|
หล่อ | | | | | | เมอเอลิก
|
---|
คนอ้วน | | | | | | เบอเจาะ |
---|
ซาไกหรือเงาะในภาคใต้ของประเทศไทย ได้ชื่อว่าเป็นประชากรส่วนหนึ่งของประเทศ แต่พวกเขายังไม่มีทะเบียน สัมมะโนครัว
ยังไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนจนทุกวันนี้ (พ.ศ. 2528) พวกเขาอยู่อย่างสงบเงียบ ปักหลักชื่นชมแต่ธรรมชาติ ไม่มีพิษภัยใด ๆ
และอยู่อย่างไม่มีผลใดในทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศชาติ ทางราชการจึงเอาใจใส่น้อย ปล่อยให้มีชีวิตอยู่ตามยถากรรม (สภ.อ., พบ.ด., กด.ก.)
|
|