Discovery Thailand 4
SaKai
อาวุธของซาไก
บอเลา (กระบอกไม้ซาง) กับบิลา (ลูกดอก) เป็นอาวุธประจำสังคมของชาวซาไก ผู้ชายทุกคนต้องมีติดตัวตลอดเวลา เพราะเป็นอาวุธที่ใช้ในการล่าสัตว์และป้องกันตัว (ดู กระบอกตุด)
บอเลากับบิลาทำจากไม้ไผ่ชนิดหนึ่งที่เรียกว่าไม้ซาง เป็นไม้ไผ่ที่มีปล้องยาวและตรง เขาจะเอาไม้ซางยาวประมาณ 1 วา
มาทะลุปล้องแล้วดัดให้ตรง เอาไว้ชั้นในอันหนึ่งเป็นตัวบอเลาจริงๆ แล้วเอาไม้ซางทะลุปล้องมาสวมภายนอกอีกชั้นหนึ่ง ชั้นนอกนี้เขาจะแกะลวดลายสวยงาม บอเลาชั้นในกับชั้นนอกถอดออกจากกันได้
ทางปลายที่ใช้เป่าเขาจะทำไม้กลม เจาะเป็นรูมาสวมไว้อีกชั้นหนึ่ง เวลาเป่าเขาจะอมไม้กลมนี้ไว้ในปากเพื่อเป็นส่วนที่ช่วยดันกระแสลม ส่วนบิลาหรือลูกดอกนั้นทำจาไม้ไผ่เช่นเดียวกัน โดยเอาไม้ไผ่ยาวประมาณ 7 - 9 นิ้ว
มาเหลาให้กลมขนาดก้านมะพร้าวเสี้ยมปลายให้แหลม วัดจากปลายแหลมประมาณ 1 นิ้ว เขาจะเหลาให้ขอดกิ่วเอาไว้ เมื่อยิ่งไปถูกสัตว์ส่วนปลายนี้จะหักฝังติดอยู่ในเนื้อสัตว์ และตรงส่วนที่เสี้ยมแหลมจะอาบยาพิษเอาไว้
ยาพิษทำจากยางไม้ชนิดหนึ่งเรียกเป็นภาษาไทยว่า ต้นยางน่อง เรียกเป็นภาษา มาลายูว่า ต้นอีโป๊ะ มีพิษร้ายแรงมาก เมื่อถูกสัตว์หรือถูกคนยางน่องจะละลายไปกับกระแสเลือด พอพิษเข้าสู่หัวใจ ก็จะถึงแก่ความตายทันที
ส่วนท้ายของบิลา เขาใช้ไม้ระกำมาทำเป็นจุกเพื่อเป็นส่วนที่กระทบกระแสลม ทำบิลาวิ่งไปข้างหน้าได้ไกลๆ
ปัจจุบัน ซาไกบางกลุ่มได้รับการถ่ายทอดวัฒนธรรมการใช้อาวุธจากชาวไทย เขารู้จักใช้มีดและปืน ซึ่งในสมัยก่อนไม่มีใช้จึงเป็นเหตุที่ทำให้ความคิดและวิถีชีวิตบางส่วนของเขาเปลี่ยนไป
สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นเครื่องบันเทิง
สิ่งประดิษฐ์ที่ซาไกทำขึ้นเพื่อความบันเทิงนั้น พวกเขาจะใช้วัสดุที่หาได้ง่ายใกล้ๆ บริเวณที่พักอาศัย เช่น ไม้ไผ่และกะลา นำมาเป็นเครื่องเคาะจังหวะ
เครื่องบันเทิงหรือสิ่งประดิษฐ์ที่ทำให้เกิดเสียงดนตรีของซาไกเท่าที่มีผู้ศึกษาพบมีอยู่ 3 ชนิด มีลักษณะ ดังนี้
ชนิดที่ 1 ตัดไม้ไผ่ติดกับข้อทั้ง 2 ข้าง เอามีดกรีดงัดผิวเนื้อไม้ไผ่ออกมาเป็นเส้นเล็กๆ แล้วเอาไม้สอดเป็นหมอนทั้ง 2 ข้าง ถ้าต้องการเสียงทุ้มก็กรีดให้ถึงข้อทั้ง 2 ข้าง
ถ้าต้องการเสียงแหลมก็กรีดให้สั้นเข้ามา โดยใช้หลักการทำแบบเดียวกับระนาดของไทย ใช้ดีดเช่นเดียวกับกีตาร์
ชนิดที่ 2 ตัดไม้ไผ่ติดข้อข้างหนึ่ง ผ่าปลายด้านที่ไม่มีข้อให้เป็นรอยแตก แล้วใช้หวายมัดด้านที่มีข้อดึงหวายมามัดทางด้านไม่มีข้อ ใช้ไม้สอดทำเป็นหมอนไว้ทางด้านที่มีข้อ ถ้าต้องการเสียงทุ้มก็ใช้หมอนบางถ้ามห้เสียงแหลมใช้หมอนหนา ใช้ดีดเช่นเดียวกับกีตาร์
ชนิดที่ 3 ตัดไม้ไผ่ให้ติดข้อข้างหนึ่ง ด้านที่ไม่มีข้อใช้มีดผ่าเนื้อไม้ไผ่แล้วสอดกาบหมากที่ตัดไว้พอดีกับหน้าตัดของไม้ไผ่ ใช้มือตีบนกาบหมาก คล้ายกับการตีทับหรือรำมะนา
วัฒนธรรมด้านความเชื่อ
ชาวซาไกมีความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติและเกรงกลัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ เชื่อในไสยศาสตร์เวทมนตร์และข้อห้ามทางสังคมที่พวกเขาได้กำหนดขึ้น แยกประเภทได้ดังนี้
ความเชื่อเรื่องวิญญาณและภูตผี
1. เชื่อว่าคนตายไปแล้วยังมีวิญญาณเหลืออยู่ และอาจจะเที่ยวหลอกหลอนทพี่น้อง ทำอันตรายแก่คนที่วิญญาณไม่ชอบ ดังนั้นเมื่อมีคนตายลง พวกเขาจะย้ายทับหรือที่อยู่ทันทีเมื่อฝังศพเสร็จ
2. เชื่อว่าตามต้นไม้ใหญ่ๆ มีผีสิงอยู่ ความเชื่อที่สืบเนื่องมาจากประเพณีปฏิบัติในพิธีฝังศพของพวกเขาก็คือ เมื่อฝังศพเสร็จหมอผีจะนำเอาวิญญาณให้ไปอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ เชื่อว่าต้นไม้นั้นจะเป็นที่อยู่ของดวงวิญญาณนั้นต่อไป
3. เชื่อว่า สัตว์ล่าง หรือสัตว์เดินทุกชนิดมีรังควานแรงดังนั้นเมื่อสัตว์เดินเดินตายลงจะต้องทำพิธีถอนรังควาน คล้ายกับว่าทำพิธีขอขมาต่อวิญญาณของสัตว์นั้น หรือส่งวิญญาณของสัตว์ให้ไปเกิด ถ้าไม่ทำเชื่อว่าวิญญาณของสัตว์นั้นจะเข้าสิงในร่างของผู้ยิง แล้วผู้นั้นจะมีกิริยาอาการเหมือนสัตว์นั้น จะวิ่งเข้าไป และจะถูกสัตว์ชนิดเดียวกันทำร้ายถึงแก่ชีวิต
4. เชื่อว่าสัตว์ทุกชนิดเป็นบริวารของผีตนหนึ่งชื่อ โต๊ะปาวั่ง ดังนั้นก่อนจะยิงสัตว์ทุกครั้งจะต้องเอ่ยคำขอโต๊ะปาวั่งเสียก่อน
5. เชื่อว่ามีผี 4 จำพวก คือ
ก. "ญา" เป็นวิญญาณที่ออกจากคนตายล่องลอยไปจนมีที่เกิดใหม่ ถ้าไม่มีที่เกิด เข้าครรภ์ผู้หญิงคนใดไม่ได้ ก็จะเที่ยวหลอกหลอนและทำอันตรายได้
ข. "โรบ" เป็นวิญญาณของคนที่ยังไม่ตายแต่จะออกจากร่างไปเที่ยวเวลานอนหลับ
ค. "เซมังงัด" เป็นผีชนิดหนึ่งจำพวกผีพราย ซึ่งมีวิชาคาถาอาคมสามารถเรียกมาใช้ได้ เช่น เรียกให้มาสิงอยู่ในน้ำมันเสน่ห์ หรือให้ไปเข้าคนอื่นให้คลั่งหรือให้บ้าได้
ง."บาดี" เป็นวิญญาณของสัตว์ที่ตายไปแล้ว ถ้าวิญญาณแรง เมื่อเข้าสิงในใครแล้วเชื่อว่าจะทำเสียง กริยาท่าทางและวิ่งเข้าป่าเหมือนสัตว์นั้น
6 .เชื่อว่าผีกลัวหัวไพล ดังนั้นเมื่อเลาฝังศพ หมอผีจะเสกหัวไพลให้เจ้าของศพเคี้ยวพ่นบนศพก่อนฝัง เชื่อว่าวิญญาณจะไม่มาหลอกหลอน และเมื่อคลอดบุตร จะเอาหัวไพลมาผูกไว้ที่หูของแม่ เชื่อว่าผีจะไม่มารบกวนและทำให้แม่แข็งแรงดี
7. เชื่อว่าผีอยู่ในที่มืด ๆ ทุกแห่ง ดังนั้นเขาจึงกลัวความมืด จึงก่อไฟไว้ในทับตลอดเวลา ดับไม่ได้
ความเชื่อเรื่องโชคลาง
1. เมื่อเดินป่า ถ้าเดินผ่านบริเวณใดแล้วเกิดขนลุกขนพอง ใจคอสั่น แสดงว่าเจ้าที่แรงห้ามทำร้ายสัตว์หรือตั้งทับไว้บริเวณนั้นถ้าทำร้ายสัตว์นิดใด เชื่อว่าจะตายด้วยสัตว์ชนิดนั้น
2. เมื่อเข้าป่าจะล่าสัตว์ ถ้าเมื่อเริ่มออกเดินบังเอิญสะดุดหกล้ม ห้ามเดินทางไปทางนั้นต่อไปอีก ให้เปลี่ยนทิศทางเดิน ถ้าเดินไปทางเดิมอีกเชื่อว่าจะได้รับอันตราย
3. เมื่อจะเข้าป่าล่าสัตว์ ห้ามพูดว่าจะเดินไปทางใด ถ้าเผลอพูดออกไปให้เดินไปทิศทางอื่น ถ้าเดินไปทางทิศที่พูดไว้จะเชื่อว่าจะได้รับอันตราย สัตว์หรือภูตผีจะคอยดักทำร้าย
4. เมื่อเข้าป่าล่าสัตว์ ให้พูดสัตว์ที่ต้องการ เชื่อว่าจะได้ตามที่พูดไว้
5. เมื่อเข้าป่า ห้ามพูดถึงสัตว์ร้าย ถ้าพูดเชื่อว่าจะพบกับสัตว์ชนิดนั้น
6. ถ้ามีคนเอ่ยปากขอลูกเชื่อว่าเป็นลางตายกับลูกคนนั้น
ความเชื่อเรื่องความฝัน
ชาวซาไกเชื่อว่าเรื่องความฝันเป็นลางบอกเหตุหรือบอกโชคลางในวันข้างหน้าว่าอาจจะเกิดเหตุดีเหตุร้ายขึ้นได้ ดังปรากฏเป็นคำทำนายฝันบางอย่างเช่น
ถ้าหญิงฝันว่ามีคนเอาเล็บเสือ เขี้ยวเสือมาให้ เชื่อว่าจะมีสามี ชายฝันว่าล่าหมูได้จะได้ภรรยา ถ้าฝันว่ายิงสัตว์ได้มากเชื่อว่าเป็นลางดี ถ้าฝันว่าถูกสัตว์ทำร้ายเชื่อว่าเป็นลางร้าย
ความเชื่อในเรื่องสุขภาพ
หญิงแม่ลูกอ่อนห้ามกินหัวเผือก ขนุน กล้วยหิน กล้วยน้ำว้า อาหารที่กินได้คือกล้วยไข่ ปลาเค็ม เกลือ
ความเชื่อเรื่องเวทมนต์คาถา
1. เวทมนต์คาถาที่ใช้รักษาโรคภัย หมอผู้รักษาโรคจะเสกหมากพลู แล้วเคี้ยวพ่นตรงอวัยวะส่วนที่เจ็บปวดเรียกว่า "ซาโฮซ"
2. เวทย์มนต์กันผี ในพิธีศพ เมื่อยกศพลงหลุมก่อนจะกลบหลุม หมอจะเสกหัวไพลให้เจ้าของศพเคี้ยวพ่นลงบนศพ เชื่อว่าผีจะไม่มาหลอกหลอน คาถาเสกหัวไพลว่าดังนี้
"ตก ตกโล่ย ชะลีโตย ฮะลีเวาะ มะนาเยาะ จะปะซุล จะเปรซ"
3. เวทย์มนต์คาถาที่ทำให้คลอดง่าย เมื่อแม่คลอดยากหมอผู้ทำคลอดจะเสกคาถาลงบนหน้าท้องของแม่ เชื่อว่าจะคลอดง่ายและทำให้ไม่เจ็บปวด คาถาว่าดังนี้
" ตุ้งตุงฮู ลีโตลีปีโฮ ตามาซาไกนิฮิฮุต มาตีซิฆู"
4. เวทย์มนต์สำหรับเรียกเซมังงัดให้มาสิงอยู่ในน้ำมันเสน่ห์
5. เวทย์มนต์กันผีหรือสัตว์ร้ายในป่า เมื่อจำเป็นต้องออกจากทับไปค้างคืนในป่า ก่อนนอนเขาจะเสกก้อนหินโยนไปรอบที่นอนทั้ง 4 ทิศ เชื่อว่าภูตผีจะไม่มารังควาน
ความเชื่อในรูปสัญลักษณ์
สัญลักษณ์ที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องระหว่างเพศหรือความรักระหว่าง ชาย - หญิง คือ เมื่อหนุ่มเกี้ยวสาว หนุ่มก็ใช้สัญลักษณ์ต่างๆ แสดงให้สาวรู้ รูปสัญลักษณ์ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่เขาพบเห็นจากธรรมชาติ เช่น
ดอกจำปูน หมายถึง ผู้ชาย (ผู้ชายชอบดอกไม้สีขาว)
ดอกฮาปอง หมายถึง ผู้หญิง (ชอบดอกไม้สีแดง) และความรัก
เล็บมือ หมายถึง ความดุร้าย กล้าหาญ - ต่อสู้
ใบไก่เถื่อน หมายถึง การพาหนี
ปักกำ หมายถึง บริเวณห้ามเข้า เพราะบริเวณนั้นจะเป็นที่ที่คู่สามีภรรยากำลังแสดงบทรักกันอยู่
หวีประดับผม หมายถึง หญิงสาวบริสุทธิ์ คือหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานจะมีหวีประดับผม ส่วนหญิงแต่งงานแล้ว จะไม่ใช้หวีประดับผม
ความเชื่อในเรื่องการรักษาความบริสุทธิ์ของหญิงสาว
ในสังคมชาวซาไกมีความเชื่อเรื่องการรักษาพรหมจรรย์ของหญิงอย่างเคร่งครัด หญิงสาวจะต้องรักษาความ
บริสุธิ์ของตนไว้ให้เพียงชายคนเดียวเท่านั้น และจะไม่ล่วงเกินได้เสียกันก่อนแต่งงาน ถ้าหากเพียงแต่ชายหนุ่มได้ถูกเนื้อต้องตัวสาวเข้า ฝ่ายหญิงจะถือเหมือนว่าชายหนุ่มผู้นั้นคือสามีของนางแล้ว
ข้อห้ามบางประการ
1 ห้าม สามี - ภรรยาร่วมประเวณีกันในทับ เชื่อว่าผีเจ้าที่จะลงโทษ
2 ข้อห้ามสำหรับลูกสะใภ้กับพ่อสามี
- ห้ามลูกสะใภ้หุงข้าว เผามันให้พ่อสามีกิน แม้แต่จะพยาบาลในเวลาเจ็บไข้ก็ไม่ได้
- ห้ามสนิทสนมมองหน้า ห้ามพูดจากัน
- ห้ามนั่งสนทนาร่วมวงเดียวกัน ถ้าจำเป็นต้องนั่งวงเดียวกันจะนั่งติดกันไม่ได้ ต้องให้คนอื่น
นั่งระหว่างกลาง และลูกสะใภ้ต้องหันหลังให้ตลอดเวลา
|